Burnout Syndrome หรือภาวะหมดไฟในการทำงานถูกมากถึงมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจด้วยการแข่งขันของธุรกิจที่ดุเดือดขึ้นทุกปี พนักงานจำนวนไม่น้อยถูกกดดันให้รับผิดชอบงานมากขึ้น หรือบางครั้งปัญหาด้านความสัมพันธ์ของคนในที่ทำงานมีส่วนไม่น้อย
หากดูจากชื่อภาวะหมดไฟ หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นอาการที่คนเรารู้สึกไม่มีแรงบันดาลใจในทำงานหรือรู้สึกห่อเหี่ยวกับงาน แต่ในความเป็นจริง Burnout Syndrome ครอบคลุมถึงอาการและพฤติกรรมอื่นที่มากกว่านั้น และการปล่อยภาวะนี้ไว้โดยไม่ได้วางแผนรับมืออาจนำไปสู่โรคทางอารมณ์และส่งผลต่อสุขภาพทางร่างกายได้เลยทีเดียว
ในบทความนี้ Hack for Health จะพาคุณไปรู้จักอาการ สัญญาณ และพฤติกรรมของ Burnout Syndrome รวมถึงคนกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะนี้ได้มากกว่าคนอื่น
Burn-out is a syndrome conceptualized as resulting from chronic workplace stress that has not been successfully managed
หมดไฟ: กลุ่มอาการที่เป็นผลจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งไม่สามารถจัดการหรือควบคุมได้
World Health Organization
ลักษณะของอาการ สัญญาณ และพฤติกรรมภาวะหมดไฟสามารถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะด้วยกัน แต่ละลักษณะก็มีสัญญาณและพฤติกรรมที่ต่างกันไป
หากคุณกำลังเผชิญกับความรู้สึกเหล่านี้หรือสังเกตได้ว่ามุมมองและพฤติกรรมของตัวเองที่มีต่องานและเพื่อนร่วมงานเปลี่ยนไป คุณกลายเป็นคนที่สนใจความรู้สึกคนอื่นน้อยลงหรือใจร้ายขึ้น นั่นอาจหมายความว่าคุณกำลังเผชิญกับ Burnout Syndrome อยู่
ซึ่งอาการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากภาวะหมดไฟอาจสร้างความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ของคุณกับคนที่ทำงาน ส่งผลกระทบต่อการทำงานที่อาจนำไปสู่ความเครียดหรือปัญหาอื่นที่ตามมาอย่างไม่รู้จบ รวมถึงโรคทางอารมณ์ อย่างภาวะซึมเศร้าด้วย หากคุณสังเกตว่าตัวเองมีสัญญาณของ Burnout Syndrome แนะนำให้หาวิธีรับมืออย่างเหมาะสม
ทุกคนที่อยู่ในช่วงวัยทำงานล้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหมดไฟได้ทั้งสิ้น แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน ทัศนคติ และสภาพแวดล้อมในที่ทำงานด้วย ซึ่ง Hack for Health สรุปคน 3 แบบที่อาจเสี่ยงต่อ Burnout Syndrome ได้มากที่สุด
เดอะแบกเป็นสแลงที่ใช้เรียกคนเก่งที่มีความสามารถมากและหลากหลาย ซึ่งเป็นตัวหลักในการประคับประคองงานจนสำเร็จ คนที่มีบุคลิกเป็นเดอะแบกมักต้องรับผิดชอบงานที่หนักในเชิงคุณภาพและปริมาณมากกว่าคนอื่นเสมอ
เดอะแบกยังเป็นที่คาดหวังของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน ส่งผลให้ตัวเดอะแบกอาจรู้สึกกดดันตัวเองด้วยเช่นกัน ยิ่งเดอะแบกที่เป็นพวก Perfectionist ก็ยิ่งกดดันและเครียดกับผลลัพธ์ของงานมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ เดอะแบกมักต้องอยู่ทำงานดึก อดหลับ อดนอน และขาด Work-Life Balance เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ
เดอะปั่นสามารถหมายถึงคนที่ได้รับมอบหมายงานจำนวนมากและต้องทำให้เสร็จภายในที่กำหนด หรือหมายถึงคนที่ได้รับงานในปริมาณปกติ แต่ขาดการจัดการงานและเวลา หรือการเรียงความสำคัญของงานที่ดีจนทำให้งานเสร็จช้า และต้องมาปั่นในช่วงไม่กี่วันหรือในคืนก่อนส่งงาน
เดอะปั่นจึงเป็นคนที่มีความเสี่ยงที่จะพักผ่อนนอนมากกว่าคนอื่น ซึ่งการนอนน้อยหรือนอนเช้าส่งผลให้สมองและร่างกายอ่อนล้าอ่อนเพลีย เกิดความเครียดสะสมจนเหนื่อยล้าและหมดไฟได้
ในความเป็นจริงงานและเพื่อนร่วมกันของคุณอาจดีมาก ๆ แต่ตัวคุณเองที่เป็นคนมองโลกในแง่ลบ กลัวการถูกตัดสินคุณค่าของงานหรือแม้แต่คุณค่าของตัวคุณตัวเอง ซึ่งอาจพบได้ในคนที่เป็น Perfectionist พนักงานใหม่ คนที่เพิ่งได้ปรับตำแหน่ง และคนที่ความมั่นใจต่ำ
นอกจากคน 3 ประเภทนี้แล้ว ปัจจัยอื่น อย่างการทำงานเดิมซ้ำ ๆ คนที่ไม่มีผลงาน คนที่ทำงานเกินเวลาบ่อย ๆ หัวหน้าที่ไม่สามารถควบคุมลูกน้องได้ คนที่ทำงานในตำแหน่งสนับสนุนหรือผู้ช่วย และสังคมหรือวัฒนธรรมในที่ทำงานที่เป็นพิษก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของ Burnout Syndrome ได้เช่นเดียวกัน
ภาวะหมดไฟสามารถรับมือได้หลายวิธี
ตอนนี้คุณน่าจะรู้จักกับ Burnout Syndrome มากขึ้นแล้ว คนที่มีความเสี่ยงของภาวะนี้อย่าลืมเอาวิธีที่แนะนำไปปรับใช้กัน สำหรับการลาออกก็อย่าลืมหาลู่ทางในการทำงานไว้ก่อนด้วย สุดท้ายนี้ ไม่ว่างานนั้นจะใหญ่หรือผลตอบแทนดีแค่ไหน แต่ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของคุณ
ที่มา: WHO, WebMD, RAMA Channel,
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
2023-03-29T14:02:12Z dg43tfdfdgfd